ในปี 2024 อัตราผู้มีอิทธิพลของไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการจากแบรนด์ต่างๆ ในภาคความงาม แฟชั่น อาหาร และการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น นี่คือภาพรวมของช่วงราคาทั่วไปสำหรับหมวดหมู่ผู้มีอิทธิพลต่างๆ ในประเทศไทย:
นาโนอินฟลูเอนเซอร์ (ผู้ติดตามน้อยกว่า 10,000 คน): นาโนอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ชม คิดค่าบริการประมาณ four,000-5,000 บาท (ประมาณ 112-a hundred and fifty ดอลลาร์) ต่อโพสต์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเข้าถึงผู้ชมเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะในแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายที่เน้นความน่าเชื่อถือและการมีส่วนร่วมของแบรนด์
ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (ผู้ติดตาม ten,000-a hundred,000 คน): ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ครองตลาดของไทยและเป็นที่นิยมสำหรับการร่วมมือกับแบรนด์ อัตราค่าบริการสำหรับไมโครอินฟลูเอนเซอร์โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง five,000 ถึง 20,000 บาท (a hundred and fifty-600 ดอลลาร์) ต่อโพสต์ ขึ้นอยู่กับอัตราการมีส่วนร่วมและรูปแบบเนื้อหาของพวกเขา ไมโครอินฟลูเอนเซอร์มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่องและแคมเปญสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า
ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ระดับกลาง (ผู้ติดตาม one hundred,000-five hundred,000 คน): ไมโครอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ ซึ่งมักจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คิดค่าบริการ twenty,000-60,000 บาท เรทราคา influencer ไทย 2024 (600-one,800 ดอลลาร์) ต่อโพสต์ ไมโครอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้เข้าถึงผู้คนได้กว้างกว่า และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแบรนด์ที่ต้องการให้คนมองเห็นแบรนด์ได้กว้างขึ้นในกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาการมีส่วนร่วม
ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (ผู้ติดตาม 500,000-1 ล้านคน): ไมโครอินฟลูเอนเซอร์เป็นที่ต้องการสำหรับแคมเปญขนาดใหญ่ โดยมีอัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 60,000 ถึง 100,000 บาท (1,800-three,000 ดอลลาร์) แบรนด์ที่ต้องการสร้างผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ มักจะร่วมมือกับไมโครอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้
ผู้มีอิทธิพลระดับเมกะ (ผู้ติดตามมากกว่า one ล้านคน): ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง โดยมักจะเกิน 100,000 บาท (3,000 ดอลลาร์) ต่อโพสต์ ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้เป็นที่รู้จักในเรื่องการเข้าถึงที่กว้างขวาง จึงเป็นที่ต้องการของแบรนด์ที่มีงบประมาณสูงที่ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากที่สุด
การตลาดแบบมีอิทธิพลในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะทำรายได้ถึง 45,000 ล้านบาท ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของแคมเปญดิจิทัลและความร่วมมือในหลายภาคส่วน เมื่อการแข่งขันเพิ่มขึ้น ผู้มีอิทธิพลจึงมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาคุณภาพสูงและการมีส่วนร่วมตามธรรมชาติเพื่อให้โดดเด่น สำหรับแบรนด์ การเลือกผู้มีอิทธิพลที่สอดคล้องกับเป้าหมายของแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมกับผู้มีอิทธิพลระดับนาโนที่กำหนดเป้าหมายหรือการมองเห็นที่แพร่หลายผ่านผู้มีอิทธิพลระดับเมกะ ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่แคมเปญที่ประสบความสำเร็จ